06 พฤษภาคม 2560

"เรียน" อย่างไรให้ "จำ" ได้ดี







"เรียน" อย่างไรให้ "จำ" ได้ดี

สำหรับการเรียนหนังสือแล้ว "ความจำ" เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้เราเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะพูดถึงเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีผลให้ความจำดีขึ้นและเรียนรู้ได้มากขึ้น






เวลาที่เราเริ่มรับข้อมูลด้วยการฟังอย่างเดียวนั้น ความจำได้จะลดลงตามเวลา แต่ถ้าหากเราฟังไปด้วย จดไปด้วย และคิดตามไปด้วย ความจำได้จะลดลงช้ากว่าการฟังอย่างเดียว นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการที่ครูค่อย ๆ เขียนกระดาน และให้นักเรียนค่อย ๆ จดตามไปนั้น ส่งผลดีต่อความจำมากกว่าการปิ้งแผ่นใสหรือฉายไฟล์เพาเวอร์พ้อยท์ นอกจากนี้การคุยไปด้วย ตั้งคำถามให้นักเรียนได้มีโอกาสคิดตามไปด้วย ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อความจำ วิธีตรวจสอบว่านักเรียนคิดตามหรือไม่ คือ การขอให้นักเรียนตอบออกมาดัง ๆ






เทคนิคการเพิ่มความจำอีกอย่าง คือ การให้การบ้านและขอให้นักเรียนทบทวน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นความทรงจำ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญทางสมองแนะนำเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทบทวน ดังนี้
1. ควรให้การบ้านในปริมาณที่เหมาะสม เช่น การบ้านที่ใช้เวลาทำไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
2. ควรทิ้งช่วงเวลาในการทบทวนให้เหมาะสม นักจิตวิทยาแนะนำว่า การทบทวนถี่ ๆ เกินไปจะส่งผลเสีย เพราะจิตใต้สำนึกจะคอยบอกว่า ตรงนี้รู้แล้ว ตรงนี้จำได้ ผลก็คือเราจะอ่านทบทวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
3. ขณะทบทวนให้ตั้งคำถามให้ตัวเองตอบ ตั้งคำถามเยอะ ๆ ตอบเยอะ ๆ ใช้เครื่องช่วยอย่างเช่น flashcards
4. พยายามเชื่อมโยงข้อมูลใหม่ ๆ เข้ากับความรู้ที่มีอยู่เดิมจะทำให้จำได้ดีขึ้น วิธีที่จะเชื่อมโยงข้อมูลได้ดีวิธีหนึ่ง คือ การวาดแผนภาพ หรือการทำ mind map การสอนของครูก็ควรมีส่วนที่เชื่อมโยงความรู้เก่าที่สอนไปแล้วเข้ากับความรู้ใหม่ ๆ ที่กำลังจะสอนด้วย
5. การหลับหลังจากการทบทวนอย่างเต็มที่จะทำให้เซลล์สมองเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเชื่อมต่อกัน เพิ่มพลังให้แก่ความจำให้ดียิ่งขึ้นไปอีก




อ้างอิงภาพ : www.learningfundamentals.com


สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ หากครูมีวิธีที่ทำให้นักเรียนชอบ หรือว่ารักหรือว่าหลงใหลในเนื้อหาวิชาแล้ว ครูจะพบว่านักเรียนจะเฝ้าครุ่นคิดถึงมันและจะจำได้จนไม่มีวันลืมแต่ถ้าหากครูทำให้นักเรียนรู้สึกหดหู่ เจ็บปวด หรือว่าทรมานกับเนื้อหาวิชาแล้ว ผลที่ได้จะกลับเป็นตรงกันข้ามเลยทีเดียว
สุดท้ายที่จะขอฝากไว้ตรงนี้ คือ ทัศนคติต่อการเรียนรู้ นักเรียนโดยทั่วไปจะมีทัศนคติว่าตนเองมีความสามารถในการเรียนรู้ที่จำกัด จะไม่สามารถเรียนรู้ของที่ยากเกินว่าขีดจำกัดหนึ่ง ซึ่งพวกเขาสร้างมันขึ้นมาในจิตใจ ข้อจำกัดนี้เป็นทั้งข้ออ้างและตัวขัดขวางการเรียนรู้ของนักเรียนคนนั้น ดังนั้นครูจำต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนรู้ของนักเรียนให้เป็นลักษณะของการเจริญงอกงาม โดยใช้แนวคิดที่ว่า ภายใต้กลยุทธ์การเรียนรู้ที่เหมาะสม ให้เวลากับการเรียนรู้อย่างเพียงพอ และใช้กระบวนการเรียนรู้ที่ดี จะทำให้ความสามารถของนักเรียนค่อย ๆ เติบโตและเจริญงอกงาม จนกระทั่งสามารถเรียนรู้อะไรก็ได้แม้แต่สิ่งที่ยากที่สุด แล้วจะไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับการเรียนรู้อีกต่อไป


อ่านเพิ่มเติม :
เทคนิคการเพิ่มความจำ
http://www.vox.com/2014/6/24/5824192/study-smarter-learn-better-8-tips-from-memory-researchers
ผลเสียของการทำการบ้านนานเกิน 2 ชั่วโมง
http://phys.org/news/2014-03-hours-homework-night-counterproductive.html
การหลับหลังการเรียนรู้เพิ่มพลังสมอง
http://medicalxpress.com/news/2014-06-brain-cells-memory.html#inlRlv


อ้างอิงบทความ :
http://www.vcharkarn.com/varticle/61718

ไม่มีความคิดเห็น: