ถ้าคุณเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่คุณจะต้องพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เป้าหมายที่สูงชันย่อมนำไปสู่อุปสรรคที่มากมายขึ้นเช่นกัน
ความสำเร็จที่แท้จริงคือการตอบคำถามให้ได้ว่า คุณคือใคร? และ ก้าวไปได้มากแค่ไหนแล้ว? ถ้าคุณกำลังคิดว่าคุณไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่คุณควรจะเป็น นั่นอาจเป็นเพราะคุณเปรียบเทียบตัวเองกับหลักเกณฑ์ที่ผิด ๆ อยู่ และในบางครั้งสิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ ก็คือ สิ่งที่จะช่วยเตือนให้คุณรู้ว่า…คุณได้ประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตไปแล้วบ้าง? และตัวบ่งบอกความสำเร็จต่อไปนี้จะช่วยเตือนให้คุณมองเห็นความสำเร็จได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
1. คุณไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลอีกต่อไป
คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนมักจะทำตัวเหมือนกับเป็นศูนย์กลางของจักรวาล โลกทั้งใบคือโลกของเขาและเราคือผู้อาศัย คุณคิดว่าอย่างนั้นไหม? แต่นั่นไม่ใช่การประสบความสำเร็จหรอก การประสบความสำเร็จที่แท้จริง คือการที่คนเรารู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่น รวมทั้งตระหนักได้ว่าทุกๆ ความฝันและความรู้สึกของผู้อื่นนั้น สำคัญไม่น้อยไปกว่าความฝัน อารมณ์ และความรู้สึกของตัวคุณเองเลย เพราะความสำเร็จของเราจะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอนถ้าขาดคนเหล่านั้นไป
2. คุณเป็นคนคิดในแง่บวก
การจะมีชีวิตที่มีความสุขได้นั้น ความหวังและการมองโลกในแง่ดีคือองค์ประกอบที่สำคัญ ถ้าคุณเอาแต่คิดมากเกี่ยวกับสิ่งที่ดูผิดที่ผิดทาง คุณก็จะกลายเป็นคนที่ขมขื่นและพบเจอแต่ความไม่พอใจสักที เมื่อเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะประสบผลสำเร็จกับอะไรมา คุณก็จะพลาด เพราะการประสบความสำเร็จที่แท้จริงหมายถึงการมองเห็นถึงด้านดี ๆ และมีความสดใสคงอยู่เสมอ รวมไปถึงต้องความเชื่อที่ว่าคุณนั้นมีพลังที่จะสามารถพลิกให้สถานการณ์ที่แย่สุด ๆ นั้นกลับดีขึ้นมาได้ด้วย
3. คุณเข้าใจดีว่าความล้มเหลวไม่ได้อยู่คู่กับคุณตลอดไป
คุณคงจะเคยได้ยินว่า “คนที่ไม่เคยล้มเหลว แท้จริงแล้วคือคนที่ไม่เคยลองพยายามทำอะไรเลย” เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่คุณก้าวพลาดขึ้นมา ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณนั้นเป็นคนที่ล้มเหลว ในทางตรงกันข้ามคุณได้เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รวบรวมเอาความล้มเหลวเหล่านั้น มาเป็นโอกาสให้คุณได้เรียนรู้บางสิ่งและก้าวต่อไปได้ ถ้าคุณยังคงติดอยู่กับความรู้สึกที่ล้มเหลว จงรู้ไว้เลยว่าคุณจะไม่มีวันประสบกับความสำเร็จอย่างแท้จริง จนกว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้ ความผิดพลาดของคุณนั้นจะช่วยปูทางให้คุณไปสู่ความสำเร็จ โดยมันจะชี้หนทางที่ถูกต้องให้คุณเมื่อคุณกำลังก้าวไปผิดทาง
“การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด มักจะมาในเวลาที่คุณรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังมากที่สุด”
ความท้อแท้นี้แหละที่จะนำทางให้คุณเริ่มคิดถึงอะไรใหม่ ๆ ที่ต่างออกไป ช่วยให้คุณได้ลองมองนอกกรอบและมองเห็นถึงหนทางแก้ไขปัญหาที่คุณได้พบเจอ
4. คุณรับรู้มุมมองต่างๆ ด้วยเหตุผล
เรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของชีวิต อย่างไรก็ดีวันที่แย่ที่สุดของเรา อาจเทียบไม่ได้เลยกับวันธรรมดาของใครสักคนที่กำลังเผชิญปัญหาอันหนักหน่วงจริง ๆ อย่าง การไม่มีอะไรจะกิน หรือการพยายามเอาชีวิตรอดจากสงครามกลางเมือง การล๊อครถโดยที่ลืมกุญแจไว้ในรถ หรือแม้แต่การพลาดเลื่อนตำแหน่ง เรื่องพวกนี้อาจจะไม่ได้ฟังดูเลวร้ายขนาดนั้น หากคุณเรียนรู้ที่จะพัฒนาทัศนคติให้ดี เมื่อคุณเชียวชาญในการที่จะเปิดใจยอมรับถึงปัญหาต่าง ๆ ตามความจริงแล้ว ให้รู้ไว้เลยว่าคุณได้ทำสำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง
5. คุณขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการมัน
การปฏิเสธที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ถึงแม้ว่าคุณกำลังติดขัดจนไปต่อไม่ถูก นี่คือสัญญาณของการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ไม่สมดุลดีนัก เนื่องการขอความช่วยเหลือนี่แหละที่แสดงให้ได้เห็นว่า คุณไม่กลัวหากคนจะมองว่าคุณเองยังก็มีจุดอ่อนเหลืออยู่ และคุณเข้าใจดีว่าคนเรานั้นไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตนเองทั้งหมด
6. คุณตระหนักได้ว่าชีวิตไม่ใช่เกมที่มีผู้ชนะได้เพียงแค่หนึ่งเดียว
และมันก็ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อผลัดกันรุกผลัดกันรับด้วย แค่เพียงเพราะคุณไม่ได้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ มันก็ไม่ได้หมายว่าคุณพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเสียเมื่อไหร่ เพียงแค่มันยังไม่ใช่ช่วงเวลาของคุณเท่านั้นเอง แต่สัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ถึงความสำเร็จอย่างชัดเจนก็คือ การที่คนเราสามารถยินดีให้กับความสำเร็จของผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ
7. คุณสามารถละทิ้งเรื่องราวที่แย่ๆ ในอดีตไปได้
จำวันที่คุณเริ่มคิดว่าความสัมพันธ์อันมั่นคงนั้นช่างจืดชืดได้ไหม? หรือการถูกปฏิบัติแบบเดิม ๆ จากใครสักคนจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายเสียเหลือเกิน ถ้าความคิดแย่ ๆ เหล่านี้กลายเป็นเรื่องของอดีตไปแล้วล่ะก็ ยินดีด้วย! เพราะการที่คุณหันมาสนใจความรู้สึกที่มั่นคงในปัจจุบันแล้วฝังกลบเรื่องแย่ ๆ ในอดีตทิ้งไปได้นั้น คือการที่คุณกำลังจะประสบความสำเร็จแล้วล่ะ
8. คุณเลิกใส่ใจกับความคิดเห็นของคนอื่น
การเชื่อมั่นในหลักการของตนเอง การมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ เรื่องใดที่คุณมองว่าคุณทำได้ดีที่สุดแล้ว คุณก็จะไม่กังวลกับมันอีกต่อไป คุณจะคิดว่าคุณนั้นทำได้ดีแล้วก็ต่อเมื่อคุณตระหนักได้ว่าความคิดเห็นของคนอื่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็น และความเห็นของเขาเหล่านั้นไม่มีผลอะไรกับชีวิตของคุณ เพราะมันไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนคุณได้
9. คุณยอมรับสิ่งที่คุณเปลี่ยนไม่ได้และเลือกเปลี่ยนในสิ่งที่ควรเปลี่ยน
ถ้าหากมีพายุเฮอริเคนกำลังเคลื่อนมาใกล้คุณ นั่นคือเหตุการณ์ที่คุณไม่สามารถหยุดมันได้ แต่เมื่อคุณตระหนักได้ว่าพายุเฮอริเคนที่กำลังใกล้เข้ามา เมื่อนั้นคุณจะสามารถพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ผลลัพธ์อันร้ายแรงของมันลดน้อยลงได้ หากบริษัทของคุณทำการลดพนักงานและคุณคุณถูกเลิกจ้างไป ทุก ๆ ช่วงเวลาที่คุณเสียไปกับการมัวปฏิเสธมันหรือหวนคิดถึงมันคือการถ่วงเวลาตนเองที่จะได้พบเจอสิ่งดี ๆ ที่รออยู่ตรงหน้า ดังนั้น คุณจะก้าวต่อไปได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อคุณเริ่มทำการสำรวจทางเลือกที่คุณมี และวางแผนลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ที่คุณสามารถแก้ไขได้ การยอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณแก้ไขไม่ได้ คือตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในการบ่งบอกถึงความสำเร็จ
มันไม่มีอะไรบอกได้เลยว่าคุณนั้นเป็นคนที่ล้มเหลว ขอเพียงแค่คุณคิดว่าคุณควรทำทุก ๆ สิ่งให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะความสำเร็จที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นขึ้นจาก “ตัวของเราเอง”
Source : Entrepreneur
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น